Glass Development Kit (GDK) เปิดให้นักพัฒนาทดลองใช้แล้ว

Posted By: Unknown On 20 November 2013 Under: , , ,


ในตอนนี้ถ้าหากพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น “นวัตกรรมแห่งยุค” คงต้องหมายถึง +Google Glass อย่างแน่นอน ด้วยการผนวกเอาเทคโนโลยีเข้ามาไว้ในสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง “แว่นตา” ทำให้ GLASS เป็นสิ่งหนึ่งที่นักพัฒนาหลายคนอยากที่จะจับจองเป็นของตัวเองสักอัน โดยในครั้งแรกที่เปิดตัวนั้นทาง Google ได้ปล่อย Mirror API ซึ่งเป็น Web-Base API ให้นักพัฒนาได้ลองใช้พัฒนาแอปพลิเคชั่นบน GLASS กันก่อน

ล่าสุด +Timothy Jordan ได้บรรยายในงาน San Francisco Base-camp และได้เปิดตัว Glass Development Kit (GDK) เพื่อใช้พัฒนาแอปพลิเคชั่นที่เรียกว่า Glassware ที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเองบน Google Glass ซึ่ง GDK นั้นจะทำหน้าที่เป็นเหมือนส่วนเสริม (Add-on) ของ Android SDK ทำให้ผู้ที่คุ้นเคยกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นบน Android อยู่แล้วนั้นสามารถติดตั้งและใช้ได้ทันที โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ https://developers.google.com/glass/ และพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา Glassware ได้ที่ https://developers.google.com/glass/community

Glass Development Kit อยู่ในช่วง Sneak Peek เพื่อให้นักพัฒนานำไปทดลองสร้างแอปพลิเคชั่นของตัวเอง และช่วยกันค้นหาจุดบกพร่อง ระหว่างที่รุ่น Developer Preview รอจะเปิดให้ใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบของ GDK และ Demo ตัวอย่างแอปพลิเคชั่น สามารถดูได้ในวิดีโอด้านล่างครับ





Nexus 5 มือถือลำดับที่ 5 จาก Google มาพร้อม Android 4.4 Kit Kat

Posted By: Unknown On 19 November 2013 Under: , , ,



เรียกได้ว่าก็เป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับโครงการ Google Nexus ที่ต้องออกอุปกรณ์เพื่อป้อนเข้าสู่โครงการในทุกๆ ปี และปีนี้ก็เป็นปีที่ 5 เข้าไปแล้วที่กูเกิลหันมาทำโครงการนี้ และครั้งนี้เอง กูเกิลก็ได้มอบหมายให้ LG ไปรับผิดชอบการพัฒนาตัวเครื่องเป็นปีที่สอง และ Nexus 5 ก็คือผลจากการซุ่มพัฒนาในครั้งนี้

รูปลักษณ์ภายนอกและรายละเอียดของตัวเครื่อง

รูปลักษณ์ภายนอกของ Nexus 5 จะยังคงเหมือนๆ กับ Nexus 4 แต่ฝาด้านหลังเปลี่ยนมาใช้ฝายางที่เป็นแบบเดียวกันกับ Nexus 7 แทนการใช้กระจกสองด้านเหมือน Nexus 4 แต่โดยๆ รวม ตัวเครื่องของ Nexus 5 จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกับ Nexus 4 ไม่ได้ใหญ่แบบแตกต่างจนเห็นได้ชัดเจนมากนัก

รายละเอียดตัวเครื่องเบื้องต้น จะเป็นดังต่อไปนี้
  • หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 800 ความเร็ว 2.26 GHz
  • หน่วยความจำในตัว 16/32 GB แรม 2 GB
  • หน้าจอกว้าง 4.95 นิ้ว ความละเอียด 1920*1080 พิกเซล ความละเอียดต่อจุดที่ 445 พิกเซลต่อตารางนิ้ว
  • รองรับเครือข่ายและการเชื่อมต่อดังต่อไปนี้
    • GSM - 850/900/1800/1900
    • WCDMA - 800/850/900/AWS (1700 MHz)/1900/2100
    • CDMA - 850/1900
    • LTE - 800/850/AWS (1700 MHz)/700/1900/2100/TD2600
    • Wi-Fi - 802.11 a/b/g/n/ac
    • Bluetooth - 4.0


ด้านหน้าของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องหน้า ลำโพงหลัก (ถ้าเป็นเครื่องสีขาว ลำโพงตรงนี้จะเป็นสีขาวด้วย) เซ็นเซอร์รับแสง หน้าจอขนาด 4.95 นิ้ว และด้านล่างจะเป็น Notification LED


ด้านหลังจะประกอบไปด้วยกล้องหลักขนาด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED


ขอบข้างบนจะเป็นที่ของไมโครโฟนตัวที่สองและช่องเสียบหูฟัง


ขอบข้างล่างเป็นช่องลำโพงหลัก และพอร์ต microUSB


ขอบซ้ายเป็นปุ่มเปิด/ปิด/พักเครื่อง และข้างๆ กันเป็นถาดใส่ซิม (ยังคงใช้ MicroSIM เหมือนเดิม)


ขอบขวาเป็นปุ่มปรับเสียง


ซอฟต์แวร์ระบบ

ในส่วนของซอฟต์แวร์ระบบคงไม่พูดมาก เพราะอย่างที่ทราบกัน Google Nexus ตัวใหม่ จะมาพร้อม Android เวอร์ชันใหม่เสมอ และสำหรับ Nexus 5 ก็มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android 4.4 Kit Kat



ความใหม่ของ Kit Kat สำหรับ Nexus 5 คงมีไม่กี่อย่าง และล้วนเป็นเรื่องของระบบแกนกลางทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นในส่วนของระบบแกนกลางสามารถอ่านได้จากข่าวเปิดตัว Android 4.4

เมื่อเจาะลงไปในรายแอพพลิเคชัน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างสำคัญเลยคือ Google เลิกใช้โทนสีฟ้า และปรับมาเป็นสีขาวทั้งระบบ และยังมีการรื้อไดอัลเลอร์ทำใหม่เพื่อให้เข้ากันกับ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ UI อีกด้วย


รายละเอียดในส่วนอื่นๆ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มากนัก ตามหลักแล้วก็ยังคงเหมือนกับ Android 4.x ไม่เปลี่ยนแปลง


ในส่วนนักพัฒนาเอง Android 4.4 ก็เพิ่มความสามารถในการสั่งอัดวิดีโอหน้าจอได้ แต่การใช้งานฟีเจอร์นี้ จะต้องใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น จะเลือกใช้ช่องทาง ADB หรือใช้ Android Studio ช่วยก็ได้ โดยการอัดวิดีโอผ่านช่องทางนี้ จะได้วิดีโอคุณภาพสูงพอที่จะนำไปใช้งานต่อได้



กล้องถ่ายภาพ

Nexus 5 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการโชว์จุดขายที่ "กล้องถ่ายภาพ"

เมื่อก่อนถ้าพูดถึง Google Nexus หลายคนอาจจะส่ายหัวด้วยความที่การถ่ายภาพนั้น ทำได้ค่อนข้างแย่เมื่อเทียบกับคู่แข่ง (หรือไม่ก็เพราะด้วยความที่จุดขายของมันคือ "มือถือสำหรับนักพัฒนา") แต่ตั้งแต่ Nexus 4 เป็นต้นมากูเกิลเองก็พยายามปรับปรุงกล้องถ่ายภาพให้มันดูดีขึ้น จนใน Nexus 5 ที่ออกแบบตัวกล้องใหม่ทั้งหมด จนสามารถถ่ายภาพได้ดีขึ้นตามลำดับ

ข้อดีของ Nexus 5 ก็คือสามารถถ่ายภาพในแสงน้อยได้ดีขึ้น และจัดเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ถึงยังไงก็ตาม ข้อเสียเพียงข้อเดียวของ Nexus 5 ก็คือความคมชัดยังสู้ Android จากผู้ผลิตรายอื่นๆ ไม่ได้นั่นเอง



การใช้งาน

เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องปรับปรุงอะไรมาก สำหรับคนที่ใช้สาย Nexus มาตลอด เพราะด้วย UI แบบธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเพิ่มเติมของ Google นั้น เรียกได้ว่าเป็น UI มาตรฐานที่ผู้ใช้ Android เกือบทุกคนจะต้องเจอ แต่ในเวอร์ชันนี้อาจจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ต้องปรับปรุงตัวมากนัก


ส่วนที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเลยก็คือตัว Google Now ที่เปลี่ยนมารอรับคำสั่งแบบตลอดเวลา (ขึ้นอยู่กับเครื่อง) และ Google Now ตัวนี้ เรายังสามารถโต้ตอบได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับคำถามที่เราถามมา



ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ก็ถือว่าพอๆ กับ Android 4.x ทั่วๆ ไป ไม่ได้แตกต่างกันมากเหมือนตอนที่ Android 2.3 เปลี่ยนร่างเป็น Android 4.0 เต็มตัวเมื่อตอนปี 2011 ที่ผ่านมา

ประสิทธิภาพ

ในด้านประสิทธิภาพ ถ้าไม่มองลึกลงไป ถือว่ายังพอสูสีกับมือถือเรือธงตัวอื่นๆ แต่เมื่อวันกันโดยใช้เครื่องมือทดสอบแล้ว ผลออกมาเป็นดังนี้ครับ
  • Quadrant Standard - 8291
  • Vellamo HTML5 - 1455
  • Vellamo Metal - 923
  • 3DMark - 10138
  • AnTuTu X Benchmark - 20409

สรุป



สำหรับ Nexus 5 อาจจะเปรียบได้ดั่งจิ๊กซอว์ชิ้นใหม่สำหรับการเชื่อมต่อระหว่าง Chrome และ Android เข้าด้วยกัน ซึ่งในอนาคต เราอาจจะได้เห็นทั้ง Chrome และ Android เชื่อมต่อกันแน่นมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ซึ่งโอกาสก็คงเป็นไปได้มากขึ้นด้วยการนำของ Sundar Pichai ในขณะนี้

แต่เมื่อมองในด้านโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง Nexus 5 อาจจะเป็นมือถือราคาหมื่นต้นๆ ที่สเปคเครื่องถือว่าตีเสมอตัวท็อปในตลาด แต่ได้ Android เวอร์ชันใหม่กว่าเพื่อน ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีโดยเฉพาะสำหรับคนที่ใช้ Google Nexus นั่นเองครับ



มาร่วมพัฒนา 6 ไอเดียสุดเจ๋งและลุ้นเป็นทีมที่ถูกคัดเลือกเพื่อเข้า SI Camp Asia ที่สิงค์โปร์

Posted By: Unknown On 07 November 2013 Under: , , ,


ChangeFuison และ GDG ร่วมกับ World Bank และ UNDP จัดงาน Social inovation Camp Bangkok เฟ้นหานักพัฒนาโปรแกรม นักออกแบบ และนักการตลาด มาทำงานร่วมกันภายในเวลา 48 ชั่วโมง และคัดเลือกทีมที่มีผลงานโดนใจกรรมการเพื่อไปเข้าร่วม SI Camp Asia ที่ประเทศสิงค์โปร์ ผู้เข้าร่วมจะต้องรวมทีม เพื่อสร้าง เว็บ หรือโมบายแอปพลิเคชัน เพื่อแก้ไขปัญหาสังคม โดยยังเปิดรับนักพัฒนาเข้าร่วมอยู่ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนที่ sicampbkk@changefusion.org หรือโทร 029382636 และพบกันในวันที่ 8-10 พฤศจิกายน ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ทีมงานจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆ เข้ามาร่วมให้คำปรึกษาแก่ทุกทีม (นักการเงิน, นักการตลาด , ผู้เชี่ยวชาญตามประเด็น ,ดีไซเนอร์ , นักพัฒนาโปรแกรม เป็นต้น) โดยทาง SI camp จะจัดที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้ ในช่วงสุดท้ายของ SI camp ผู้เข้าร่วมจะต้องนำเสนอโปรเจกต์แก่คณะกรรมการ ทีมละ 10 นาที คณะกรรมการจะคัดเลือกไอเดียที่ดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียว และผู้ชนะเลิศจะได้เดินทางไปแข่งขันต่อที่ประเทศสิงคโปร์

นักพัฒนาสามารถเลือกไอเดียที่เข้ารอบแล้วทั้งหมด 6 ไอเดียได้ ตามรายละเอียดด้านล่าง และอีเมลล์แจ้งทีมงาน พร้อมระบุชื่อ เบอร์โทร และไอเดียที่สนใจที่ sicampbkk@changefusion.org หรือโทร 029382636

1. Disabled Must Be Strengthenเป็นโปรแกรมสำหรับช่วยเหลือผู้ทุพลภาพ ทั้งชั่วคราวและถาวรในการดูแลสุขภาพ ผ่านการวางแผนการทำกายภาพบำบัดประจำวัน / โปรแกรมโภชนาการในแต่ละระยะ / การพัฒนาจิตใจในระยะยาวสำหรับผู้พิการแบบถาวร / การแพทย์ทางเลือกที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เป็นต้น โดยกระบวนการทั้งหมดนี้จะมีการให้คำแนะนำจากแพทย์ประจำตัวของผู้ป่วยแต่ละคนโดยเฉพาะ

2. Snap ‘n Bite
Snap ‘n Bite is an easy-to-use mobile application that educates users to eat healthier. Simply scan the product barcode, you can learn about the nutrition facts of that snack, health consequences, and healthier alternatives. The app also keep the daily stats for you so you monitor your progress.

3. WeCare App
“คำเตือนของแพทย์นับ 10 คน คงไม่มีพลังเท่ากับคำของครอบครัวเพียงสั้นๆ”

WeCare คือ mobile application ที่ช่วยให้ user ได้จัดการและเก็บ record สุขภาพของตนเอง
และยังเปิดโอกาสให้สามารถ share สภาวะร่างกาย รวมทั้งปัญหาสุขภาพ
เพื่อให้คนในครอบครัวได้รับทราบ ติดตาม คอยดูแลซึ่งกันและกัน

Wecare จะเป็นเครื่องมือในการบันทึก ข้อมูลร่างกายของ user ตั้งแต่ อายุ นน. สูง ความดัน
โดยเฉพาะ ผลการตรวจเลือด ซึ่งมักจะได้มาจากการตรวจสุขภาพประจำปีของบุคคลทั่วไป
Application จะทำการแปลความหมาย และแสดงผลด้วย graphic ที่เข้าใจง่าย เป็นภาษาไทย
เพื่อให้ user ได้ทราบถึงความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่ตนมี

ข้อมูลสภาวะร่างกายของ user เหล่านี้ จะถูกเชื่องโยง กับ user อื่นๆ ที่ถูกระบุว่า
มีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือด หรือตามที่ user จะเลือกที่จะแบ่งบัน กับบุคคลอื่น
โดยสมัครใจได้เช่นกัน เพื่อให้ user สามารถช่วยเหลือ ตักเตือน หรือแนะนำ กันเอง
พร้อมรับ ข้อมูล ข่าวสาร update ที่สำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ของตนเองหรือครอบครัว
จากกลุ่มหมอ นักวิจัย สมาคมการแพทย์ และโรงพยาบาลชั้นนำ ที่เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ

4. Health Me on Cloud
Mobile Application ที่ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลสุขภาพด้านต่างๆ เช่น ประวัติการใช้ยา ประวัติการป่วย รวมถึงข้อมูลพฤติกรรมที่มีผลต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่กินในแต่ละวัน น้ำหนัก ชั่วโมงการนอน อาชีพ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อเตือนให้รับทราบถึงโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตจากพฤติกรรมในปัจจุบัน รวมถึงเป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแพทย์ในการวินิจฉัยโรคที่ซับซ้อนได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น

5. SportApp

แอปพลิเคชั่นเพื่อช่วยหาเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนเพื่อเป็นเพื่อนออกกำลังกาย สามารถค้นหาสถานที่เล่นกีฬาใกล้ตัวหรือสร้างกิจกรรมชวนเพื่อนมาออกกำลังกาย

6. แอพพลิเคชั่นดูแลผู้สูงอายุที่คุณรัก
เป็นแอพพลิเคชั่นที่คนในครอบครัว ลูกหลานสามารถช่วยดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวท่านได้ โดยจะ
1.ให้ความรู้โรคที่พบในผู้สูงอายุ เรื่องของโรคต่างๆ อาการ และการดูแลรักษาเบื้องต้น (ออกกำลังกาย / รับประทานอาหาร)
2.มีตารางนัดหมายเพื่อช่วยในการจดจำและเตือนล่วงหน้า
3.ให้บริการรีวิวโรงพยาบาล
4.มีการใช้ GPRS สแกนหา โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด พร้อมเบอร์ติดต่อ
5.กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่นการตรวจสุขภาพฟรี ฯลฯ
6.DEAL ส่วนลดการตรวจสุขภาพโรคต่างๆ ที่ร่วมกับทางโรงพยาบาล





Android 4.4 Kit Kat - การลืมตาครั้งใหม่ของอุปกรณ์สเปคต่ำ

Posted By: Unknown On 01 November 2013 Under: ,

เมื่อคืนนี้กูเกิลได้เปิดตัว Android รุ่นใหม่รหัส 4.4 Kit Kat แบบเงียบๆ โดยไร้ซึ่งงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยของใหม่หลักๆ เลยก็คือการปรับแต่งในส่วนระบบปฏิบัติการให้สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์สเปคต่ำที่ใช้แรม 512 MB ได้ดีขึ้น ซึ่งนั่นเป็นการบอกทางว่า Kit Kat น่าจะถูกปรับแต่งมาเพื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ประเภท Wearable Computing ในอนาคตครับ และใน Android 4.4 ก็มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาและความสามารถไปเยอะพอสมควร ซึ่งสรุปออกมาได้ดังนี้ครับ

Translucent system UI


ยกเลิกการใช้ธีม Holo Blue ที่ผลักดันมาตั้งแต่ Android 4.0 Ice Cream Sandwich เป็นธีมพื้นฐาน และปรับมาใช้ธีมรูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า "Translucent system UI" ครับ สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ Wallpaper จะแสดงผลคลอบคลุมไปถึงในส่วนของ Notification Bar และ Navigation Bar เปลี่ยนสีไอคอนระบบจากสีฟ้ามาเป็นสีขาว เปลี่ยนพื้นเพของระบบทั้งหมด

นอกจากนี้ในส่วนของ Notification Bar และ Navigation Bar นั้น ยังเป็นพื้นใสอีกด้วยซึ่งใน Kit Kat SDK มีโค้ดส่วนนี้รองรับเรียบร้อยแล้ว นักพัฒนาสามารถออกแบบ UI ให้คลอบคลุมไปถึงส่วน Notification Bar และ Navigation Bar ได้อีกด้วย


Google Now ทำงานตลอดเวลา


ใน Android 4.4 นั้นได้ปรับให้ Google Now พร้อมรับคำสั่งตลอดเวลาที่อยู่หน้า Homescreen แล้ว เพียงแค่พูดคำว่า "OK, Google" ไป ก็จะเป็นการเรียกใช้ Google Now โดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้จะต้องใช้คู่กับฮาร์ดแวร์ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นก็คือ Nexus 5 ครับ

โชว์ภาพปกเพลง/ปกหนังบนหน้าจอ Lockscreen แล้ว


ใน Android 4.4 นั้นยังมีการปรับหน้าจอล็อกสกรีนใหม่อีกด้วย คือเวลาที่เล่นเพลง หรือโยนไฟล์ขึ้น Chromecast อยู่นั้น ระบบจะดึงภาพของศิลปิน/ภาพปกเพลง หรือปกภาพยนตร์ออกมาแสดงได้แบบเต็มหน้าจอแล้วครับ

Full-Screen Immersive Mode


ใน Android 4.0 - Android 4.3 เวลาที่แอพพลิเคชันใช้การแสดงผลเต็มหน้าจอ ระบบจะกันพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อแสดง Navigation Bar เอาไว้ตลอดเวลา แต่แทนด้วยจุดสามจุดเพื่อเป็นการซ่อนปุ่มเอาไว้ แต่ใน Android 4.4 นั้นได้เพิ่มโหมดให้แอพพลิเคชันสามารถแสดงผล "ทั้งหน้าจอ" ได้แล้ว โดยเมื่อแอพพลิเคชันมีการเรียกใช้งานแบบ Full-Screen ส่วน Navigation Bar จะถูกซ่อนให้หายไป ซึ่งเราสามารถเรียกคืนมาได้โดยการลากนิ้วขึ้นมาจากขอบจอด้านล่าง

ผลดีก็คือทำให้แอพพลิเคชันเกม หรือ E-Book Reader สามารถใช้งานได้เต็มจอโดยไม่มี Navigation Bar มารบกวนสายตาแล้วนั่นเอง ซึ่งจะมีประโยชน์มากๆ สำหรับโทรศัพท์หน้าจอขนาดใหญ่มาก เช่น Sony Xperia Z Ultra เป็นต้นครับ

Multi-Tasking ที่ทำงานเร็วขึ้น


ใน Android 4.4 ได้มีการปรับแต่งในส่วนระบบปฏิบัติการให้สามารถจัดการหน่วยความจำของระบบได้ดีขึ้น ผลก็คือจะทำให้ในส่วนของ Multi-Tasking สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้นด้วยนั่นเอง

โทรศัพท์ที่ฉลาดขึ้น


ของใหม่หลักๆ นอกจากการปรับแต่งระบบปฏิบัติการ และ UI ระบบทั้งหมดแล้วนั้น แอพพลิเคชันโทรศัพท์ยังได้มีการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดอีกด้วย โดยเพิ่มความสามารถให้ Google Now คลอบคลุมมาถึงส่วนนี้ เน้นแสดงผู้ติดต่อที่ติดต่อบ่อยมากขึ้น จัดเรียงผู้ติดต่อตามความบ่อยในการติดต่อได้ สามารถดึงเบอร์โทรศัพท์ของร้านค้าใกล้เคียงจากจุดที่ยืนอยู่มาแสดงได้


ส่วนของใหม่เอี่ยมสุดๆ เลยนั่นก็คือ Smart Caller ID ที่เมื่อเวลาที่มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามา ระบบจะพยายามนำเบอร์ไปเทียบกับตารางข้อมูลที่มี ซึ่งถ้าเจอระบบก็จะแสดงว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ของใคร และใครเป็นคนโทรมานั่นเองครับ

ข้อความในที่เดียว


Google+ Hangouts ตัวใหม่จะถูกยึดติดให้เข้ากับ Android 4.4 มากขึ้น เนื่องจากการถอนแอพฯ Message ออกไป ดังนั้น Google+ Hangouts ตัวใหม่จึงเพิ่มความสามารถในการรองรับ SMS เข้ามาด้วยนั่นเอง ซึ่งการสังเกตก็สามารถสังเกตได้จากไอคอนของผู้ติดต่อครับ ถ้าเป็นการติดต่อด้วย SMS ก็จะมีป้าย SMS ห้อยท้ายไว้ในรูป

Emoji ทุกๆ ที่!


Google Keyboard ตัวใหม่จะเพิ่ม Emoji Keyboard เข้ามาด้วย ทำให้สามารถใช้ Emoji ร่วมกับแอพพลิเคชันอื่นๆ ได้เลย จากเดิมที่ใช้งานได้กับ Google+ Hangouts นั่นเองครับ

พิมพ์งานได้โดยตรง


ใน Android 4.4 ได้เพิ่มความสามารถในการรองรับเครื่องพิมพ์เข้ามา โดยถ้ามีการติดตั้งแอพพลิเคชันที่ใช้ในการพิมพ์งานจากผู้ผลิตเช่น Epson, Canon, HP ก็จะสามารถเรียกใช้งานเพื่อพิมพ์งานต่อได้โดยตรงเลย แต่ถ้าไม่มีก็จะเป็นการเรียกใช้งานผ่าน Google Cloud Print ครับ

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ จะมีดังต่อไปนี้ครับ

  • ปรับเฟรมเวิร์คของ UI ทั้งหมดให้ดูเนียนตาขึ้น
  • เพิ่มโหมดประหยัดพลังงานระหว่างการเล่นเพลงเข้ามา ผลก็คือทำให้ใน Nexus 5 สามารถเล่นเพลงได้ต่อเนื่อง 60 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • ปรับการเรียงแอพพลิเคชันในหน้าดาวน์โหลดใหม่
  • รองรับ IR Blaster แล้ว ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์เป็นรีโมทได้เลย เป็นการลดความซับซ้อนในการพัฒนาระบบซึ่งแต่เดิม Samsung, LG และ HTC เคยทำไว้
  • รองรับการใช้งานเซ็นเซอร์พลังงานต่ำ เช่น Step Detector และ Step Counter
  • แอพพลิเคชัน Quickoffice สามารถเซฟไฟล์ไว้กับ Google Drive ได้โดยตรงแล้ว
  • รองรับ Bluetooth Map สำหรับเชื่อมต่อกับระบบรถยนต์
  • รองรับ Chromecast เต็มตัวแล้ว โดยไม่ต้องใช้งานแอพพลิเคชัน Chromecast ในการเชื่อมต่ออีกต่อไป
  • ปรับให้แอพพลิเคชันที่เป็นตัวเว็บ หรือ WebView ไปเรนเดอร์กับ Chromium แล้วจากเดิมที่เป็น Webkit ผลก็คือแอพฯ จะสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น
  • รองรับมาตรฐาน Host Card Emulation สำหรับการจ่ายเงินผ่าน NFC
  • รองรับการปรับแต่งเสียงแล้ว
  • อัดวิดีโอหน้าจอได้แล้ว
  • ปรับระบบให้ Touchscreen สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ผลก็คือการตอบสนองกับหน้าจอก็จะดีขึ้นตามลำดับ
  • รองรับมาตรฐาน Miracast
Nexus 5 จะเป็นอุปกรณ์ตัวแรกที่ใช้งาน Android 4.4 Kit Kat ครับ ส่วน  Nexus 4, Nexus 7, Nexus 7 (2013 Edition), Nexus 10, HTC One Google Play Edition และ Samsung Galaxy S4 Google Play Edition จะได้อัปเดตภายในไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านี้ครับ และแน่นอนว่าต้องขอแสดงความเสียใจกับ Nexus S และ Galaxy Nexus ด้วยที่ไม่ได้ไปต่อครับ



Powered by Blogger.